ความรู้เรื่องดาวศุกร์ (Venus)

jupiter_planet

ดาวศุกร์ คือดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้กับโลกมากที่สุดและยังมีขนาดคล้ายกับโลกอีกด้วย ซึ่งได้ชื่อใหม่อีกว่าดาวฝาแฝดฝ่ายน้องของโลกนั้นเอง เพราะมีขนาดเล็กกว่าโลกเล็กน้อยแต่ไม่มีบริวารเป็นดวงจันทร์ ซึ่งวงโคจรของดาวเคราะห์จะมีลักษณะเป็นวงรีกันหมด แต่มีดาวศุกร์ดวงเดียวที่มีลักษณะเป็นคล้ายกับวงกลมมากที่สุด และเป็นดาวเคราะห์ที่ห่างจากดวงอาทิตย์มาอันดับที่สองอีกด้วย

image_venus

ดาวน้องสาวของโลก (ดาวศุกร์)

ดาวศุกร์จะหมุนรอบตัวเอง 1 รอบโดยใช้เวลา 243 วัน ซึ่งการหมุนรอบตัวเองของดาวศุกร์นี้จะหมุนสวนทางกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ซึ่งดาวเคราะห์ดวงอื่นจะหมุนไปทางทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออก แต่ดาวศุกร์จะหมุนไปทางทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกโดยหมุนตามเข็มนาฬิกานั้นเอง และนี่คือลักษณะการหมุนของดาวศุกร์ บรรยากาศที่อยู่บนดาวศุกร์

  • ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 97 %
  • ไนโตรเจน 5%
  • ซัลเฟอร์ไดออกไซด์และอาร์กอน 5%

และยังมีชั้นเมฆคาร์บอนไดออกไซด์มีความหนาทึบมาก โดยปกคลุมอยู่ทั่วทั้งดวงดาวจึงทำให้สะท้อนแสงอาทิตย์ได้ดี จึงทำให้เราสามารถเห็นดาวศุกร์ส่องแสงได้ดีนั้นเอง โดยที่ยานอวกาศไปสำรวจจะไม่สามารถถ่ายรูปมาให้เราได้เห็นกันง่ายๆเพราะว่าต้องอาศัยคลื่นเรดาห์ให้ทะลุผ่านชั้นเมฆนี้ไปและนำมาวิเคราะห์ผ่านคอมพิวเตอร์อีกครั้ง จึงจะได้ได้ภาพของดาวศุกร์ออกมาให้เราได้เห็นกัน ซึ่งดาวศุกร์เป็นดาวที่ร้อนมากเพราะมีดาร์บอนไดออกไซต์ 97% และมีอุณหภูมิสูงถึง 500 องศาเซลเซียสตลอดเวลาด้วยกัน จนทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกบ่อยมาก ซึ่งดาวศุกร์มีความสว่างรองลงมาจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ โดยดาวศุกร์มีวงโคจรใกล้กับดวงอาทิตย์มากเราจึงสามารถมองเห็นดาวศุกร์ผ่านโลกได้ในเวลาเช้ามืดและหัวค่ำ ในเวลาที่ท้องฟ้าเปิดหรือปิดเท่านั้น เพราะในขนาดที่ท้องฟ้าเวลาหัวค่ำในทางทิศตะวันตก เราจะมองเห็นดาวศุกร์ได้และเรียกเขาว่า“ดาวประจำเมือง”และเมื่อท้องฟ้าในเวลาเช้ามืดเราจะมองเห็นเขาในทางทิศตะวันออก และเรียกเขาว่า“ดาวประกายพรึก”หรือ“ดาวรุ่ง”

ซึ่งความพิเศษของดาวศุกร์คือมีรูปร่างใกล้เคียงกับวงกลมมากที่สุด และยังเป็นดาวที่เกิดสภาวะเรือนกระจกบ่อยอีกด้วย ซึ่งมีความร้อนมากในชั้นบรรยากาศ และยังมีความสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ได้ดีอีกด้วย ซึ่งสามารถมองเห็นผ่านโลกได้อีกด้วยในเวลาเช้ามืดและหัวค่ำ เพราะดาวศุกร์มีวงโคจรใกล้กับดวงอาทิตย์มากเพียงแค่มุม 47.8 องศาเท่านั้น จึงได้รับแสงจากดวงอาทิตย์มากระทบกับชั้นเมฆของตนเลยทำให้เกิดแสงสว่างมากนั้นเอง

You may also like...