ดาวคัลลิสโต มีความเป็นมาอย่างไร

Cullisto-pic

จากความมืดมิด ความเย็นเฉียบซึ่งสามารถพรากชีวิตมนุษย์ไปได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ร่วมด้วยความลึกลับของจักรวาล เป็นเรื่องที่มนุษย์อยากรู้ และขวนขวายจะออกไปสำรวจเป็นเวลานานมาตั้งแต่อดีต ในปัจจุบันนี้บางเรื่องราวก็ได้รับการเปิดเผยไปบ้างแล้ว หากแต่บางเรื่องราวก็ยังคงเป็นปริศนาไร้คำตอบมาจนถึงปัจจุบันนี้ สำหรับวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ ความเป็นมาของ ‘ดาวคัลลิสโต’ กัน

‘ดาวคัลลิสโต’ บริวารแห่งดาวพฤหัส

สำหรับ ‘ดาวคัลลิสโต’ คือ ดาวบริวารของดาวพฤหัสบดี ได้รับการค้นพบอย่างยิ่งใหญ่ โดยนักดาราศาสตร์ชื่อดังจากอดีต Galileo Galilei โดยค้นพบในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1610 โดยดาวดวงนี้มีความพิเศษจากการประกอบไปด้วยหิน กับน้ำแข็งเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นจากปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้ดาวคัลลิสโต มีมวลเพียงแค่ 1 ใน 3 ของดาวพุธเท่านั้น

คัลลิสโต มีความน่าสนใจเพราะเป็นดาวบริวารดวงที่ 8 ของดาวพฤหัสบดี อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในดวงจันทร์ที่ถูกค้นพบโดย Galileo ซึ่งเป็นดวงจันทร์ที่ 4 ของดาวพฤหัสบดี ด้วยระยะทางของวงโคจร 1,880,000 กิโลเมตร จึงทำให้ดาวดวงนี้กลายเป็นดาวบริวารที่อยู่วงนอกสุด ภายในดาวประกอบไปด้วยหินและน้ำแข็ง ซึ่งมีความหนาแน่น 1.83 g/cm3 โดยสารประกอบที่ค้นพบบนพื้นผิวน้ำแข็ง เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ซิลิเกต รวมทั้งสารอินทรีย์ต่างๆ เป็นต้น และการตรวจสอบก็อาศัย ยานอวกาศ Galileo นี่แหละ และภายในดาวอาจมีมหาสมุทรใต้ดิน ซึ่งบรรจุของเหลวในระดับความลึกมากกว่า 100 กิโลเมตรก็เป็นได้

Cullisto-photo

น้ำแข็ง หิน และหลุม บนดาวมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

พื้นผิวของคัลลิสโตค้นพบเป็นหลุมอันมีความเก่าแก่ที่สุดและหนาแน่นที่สุดในระบบสุริยะ ในส่วนของพื้นผิวถูกปกคลุมไปด้วยหลุมอุกกาบาตอย่างสมบูรณ์ โดยมันไม่ได้ปรากฏร่องรอยของกระบวนการใต้ผิวดินใดๆ เช่น แผ่นเปลือกโลกหรือภูเขาไฟเคลื่อนตัว อีกทั้งยังไม่มีสัญญาณกิจกรรมทางธรณีวิทยาโดยทั่วไปที่ควรเกิดขึ้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีการคาดการณ์ว่า น่าจะมีวิวัฒนาการส่วนใหญ่ภายใต้อิทธิพลของผลกระทบบางอย่าง ซึ่งคุณสมบัติพื้นผิวมีความโดดเด่นเพราะประกอบด้วยโครงสร้างหลายวง, หลุมอุกกาบาตมีรูปร่างแตกต่างกัน, โซ่ของหลุมอุกกาบาต, สันเขารวมทั้งคราบสกปรกต่างๆ ในระดับขนาดเล็ก ซึ่งมีพื้นผิวแตกต่างกันไปอีกทั้งยังมีขนาดเล็กซึ่งปรากฏเป็นประกายน้ำค้างแข็ง ณ ปลายยอดอันถูกล้อมรอบไปด้วยความมืด นี่คือความคิดที่เป็นผลมาจากการวิเคราะห์ธรณีสัณฐานเล็กๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการขาดดุลทั่วไปของหลุมอุกกาบาตขนาดเล็กและการปรากฏตัวของลูกบิดเล็กๆ มากมาย ซึ่งจัดเป็นเศษเล็กเศษน้อยอีกทั้งยังไม่อาจทราบอายุที่แน่นอนของธรณีสัณฐานได้คัลลิสโต ถูกล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศที่เบาบางมาก ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอนไดออกไซด์  โดยอาจเป็นโมเลกุลของออกซิเจน เช่นเดียวกับไอโอสเฟียร์ที่ค่อนข้างรุนแรง คาดการณ์ว่าคัลลิสโตคิดน่าจะเกิดจากการสะสมของก๊าซและฝุ่นที่ล้อมรอบดาวพฤหัสหลังจากการก่อตัว การเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปของคัลลิสโตรวมทั้งการขาดความร้อนทำให้เกิดความแตกต่างอย่างรวดเร็ว โดยการนำพาความร้อนอย่างช้าๆ ภายในคัลลิสโตนี้นำไปสู่การสร้างความแตกต่างบางส่วนและอาจเป็นการก่อตัวของมหาสมุทรใต้ผิวดิน ระดับความลึก 100-150 กม. และแกนหินเล็กๆ ก็เป็นได้

การปรากฏตัวอันน่าสนใจของมหาสมุทรในคัลลิสโตทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ด้วยระดับรังสีต่ำคัสลิสโตจึงได้รับการพิจารณาว่าเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ สำหรับการสำรวจระบบ Jovian ในอนาคต อีกด้วยถึงแม้เราจะรู้สักดาวคัลลิสโตเพิ่มมากขึ้นแล้ว แต่ปริศนาของดาวนี้ก็ยังไม่หายไปอยู่ดี ไม่แน่นะอนาคตมนุษย์ชาติอาจต้องไปพึ่งพิงดาวดวงนี้ในการใช้ชีวิตอยู่ก็ได้

You may also like...